LHFUND x ลงทุนแมน
LHGDYNAMIC โอกาสการลงทุน กับสินทรัพย์ทั่วโลก
ปีที่ผ่านมา เราได้รับผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาดอย่างรุนแรง
ซึ่งส่งผลให้มูลค่าของสินทรัพย์หลายประเภทผันผวน
และปรับตัวลดลงอย่างมาก
แต่ท่ามกลางวิกฤติ ก็ยังมีบางประเทศ ที่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
หรือแม้แต่บางบริษัทที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หากเราเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุน
ในสภาวะที่หลายเหตุการณ์ยังไม่นิ่ง และยังคงผันผวน
การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท
ก็น่าจะช่วยให้เราลดความเสี่ยง พร้อมกับสร้างโอกาสเติบโตไปพร้อม ๆ กัน
แล้วตอนนี้ มีโอกาสอะไรที่น่าสนใจ?
วันนี้ ลงทุนแมนจะพามารู้จักกับ LHGDYNAMIC
จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LHFund
กองทุน LHGDYNAMIC หรือกองทุน LH Global Dynamic Multi-asset เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงในประเทศไทย ครอบคลุมตั้งแต่ ตราสารทุน, ตราสารหนี้, กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
LHGDYNAMIC จะลงทุนผ่าน ETFs หรือ Exchange Traded Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี หรือราคาของสินทรัพย์อ้างอิง
ข้อดีของการลงทุนผ่าน ETFs ก็คือ มีสภาพคล่องสูง เหมาะสำหรับการปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทในทุกช่วงของการลงทุน
แล้วทำไมเราควรลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท?
เราลองมาดูสินทรัพย์ ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2017
Top 1 International Emerging Market 38%
Top 2 International Developed Market 26%
Top 3 Large-cap Equity 22%
ปี 2018
Top 1 Cash Alternatives 2%
Top 2 Fixed Income 0%
Top 3 Real Estate -4%
ปี 2019
Top 1 Large-cap Equity 31%
Top 2 Mid-cap Equity 26%
Top 3 Real Estate 23%
จากตรงนี้ จะเห็นได้ว่าแต่ละปีสินทรัพย์แต่ละประเภทจะให้ผลตอบแทนที่ต่างกัน
ซึ่งผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่มากที่สุดในปีใดปีหนึ่ง ไม่ได้การันตีว่าปีถัดไปจะสร้างผลตอบแทนได้แบบเดิม
นั่นจึงทำให้ LHGDYNAMIC มองว่ากองทุนจะมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนสินทรัพย์โดยใช้สัญญาณ ที่ได้รับการสนับสนุนโดย Invesco ซึ่งจะนำเครื่องมือที่เป็นกรรมสิทธิ์ของทางบริษัทอย่าง Leading Economic Indicators และ Global Risk Appetite Cycle เข้ามาใช้ในการตัดสินใจน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ในพอร์ตการลงทุน
แล้ว Invesco คือใคร?
Invesco เป็นบริษัทจัดการกองทุนขนาดใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมากถึง 1.14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือราว 34 ล้านล้านบาท
ทีนี้เราลองมาดูมุมมองการลงทุนของ Invesco ในปีนี้
มุมมองระยะสั้น
ตราสารทุนทั่วโลก มีแนวโน้มที่จะปรับตัวได้ดีขึ้น หากการกระจายวัคซีนเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่นโยบายทางการคลังของประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะเอื้อต่อตราสารทุนในตลาดเกิดใหม่
มุมมองระยะกลาง
Invesco มองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก จะยังทำให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และนักลงทุนมีแนวโน้มจะให้ความสนใจกับการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ซึ่งมันก็จะนำมาสู่ความผันผวนที่สูงขึ้น
สำหรับมุมมองระยะยาว
เศรษฐกิจทั่วโลกยังถูกกดดันจากวิกฤติในปีที่ผ่านมา และยังมีอัตราการเติบโตที่ชะลงตัวลง และการอัดฉัดเงินเข้าระบบมหาศาลจะยิ่งทำให่สภาพคล่องล้นระบบ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดทุนเติบโต
เมื่อนำประกอบกับดัชนีชี้นำต่าง ๆ เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นภาคการผลิต, ตลาดแรงงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค และประเมินจากสภาวะตลาดของแต่ละประเทศ
กองทุน LHGDYNAMIC จึงได้มีการวางกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก โดยแบ่งออกเป็น ตราสารทุน 80% ซึ่งจะกระจายการลงทุนใน
-US Large Cap 22%
-US Small Cap 10%
-Developed Market ex. US 17.5%
-Emerging Markets 30.5%
และสัดส่วนที่เหลืออีก 20% จะเข้าไปลงทุนใน Global Fixed Income หรือ ตราสารหนี้ทั่วโลก
จะเห็นได้ว่า LHGDYNAMIC มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท โดย ณ ตอนนี้ให้น้ำหนักกับตลาดเกิดใหม่ คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุน
อย่างไรก็ตาม กองทุนก็จะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกว่า ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป
แล้วที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของ LHGDYNAMIC เป็นอย่างไร?
เรามาดูผลการดำเนินงานเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุน
เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานตั้งแต่ 4 ธันวาคม 2563 – 31 มกราคม 2564
LHGDYNAMIC 2.95% ต่อปี
เกณฑ์มาตรฐาน -0.89% ต่อปี
(เกณฑ์มาตรฐาน ประกอบด้วย FTSE All World Return Index USD 80% และ Bloomberg Barclays Global. Aggregate Total Return Index Value Unhedged USD 20%)
จากผลการดำเนินงานในอดีต แสดงให้เห็นว่าการกระจายสินทรัพย์การลงทุนทั่วโลก
ของ LHGDYNAMIC ถือว่าทำได้ดีกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ในขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลังจากผลการทดสอบจะพบว่ากองทุนนี้จะสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้ราว 11.1% ต่อปี ตั้งแต่ 1 มกราคม ปี 2003 ถึง 31 สิงหาคม ปี 2020 ซึ่งมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ระดับ 9.5%
ถึงตรงนี้ เราก็คงสรุปได้ว่า LHGDYNAMIC ถือเป็นกองทุนที่น่าสนใจ
และเหมาะสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาการกระจายการลงทุน
ในสินทรัพย์หลายประเภทในกองทุนเดียว
ที่สามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดแต่ละปี
รวมถึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนชนะตลาดได้ในเวลาเดียวกัน
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.lhfund.co.th
หรือโทร 02-286-3484
คำเตือน: ผลการดำเนินงานในอดีต ไม่ได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
lh fund 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
การลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ด้วยกองทุนรวม RMF และ SSF
ลงทุนแมน x LH Bank
หากพูดถึงการลงทุนที่จะช่วยลดหย่อนภาษี
หลายคนอาจนึกถึง การลงทุนในกองทุนรวม RMF
รู้หรือไม่ว่า ปี 2563 นี้ มีกองทุนรวมรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า กองทุนรวม SSF
ซึ่งจะเข้ามาทดแทนกองทุนรวม LTF ที่ได้ถูกยกเลิกไป
แล้วกองทุนรวมเพื่อการลดหย่อนภาษีอย่าง RMF และ SSF มีความน่าสนใจอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า จุดเด่นของการลงทุน “กองทุนรวม”
คือการมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนคอยดูแลและบริหารกองทุนแทนเรา
เพื่อสร้างผลตอบแทนในรูปเงินปันผลและส่วนต่างราคาของหน่วยลงทุนให้แก่เรา
ที่น่าสนใจคือ การลงทุนในกองทุนรวม RMF และ SSF
สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 500,000 บาท ได้ด้วย
( เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข., กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ )
ซึ่งปกติแล้ว “ภาษีเงินได้” จะถูกคำนวณจากฐานรายได้สุทธิ
โดย “รายได้สุทธิ” คำนวณมาจากรายได้รวมทั้งปี หักออกด้วยค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน
นั้นหมายความว่า หากเพิ่มค่าลดหย่อน ด้วยการลงทุนในกองทุนรวม RMF และ SSF
ย่อมทำให้รายได้สุทธิลดลง จึงช่วยให้การจ่ายภาษีเงินได้ลดลงตามไปด้วย นั่นเอง
แล้วเงื่อนไขการลงทุนกองทุนรวม RMF เป็นอย่างไร?
กองทุนรวม RMF หรือ Retirement Mutual Fund
คือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
ที่มีจุดเด่นในเรื่องการออมระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ
กองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนรองรับหลากหลายทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศ
แต่จะไม่มีนโยบายปันผล
เมื่อลงทุนแล้ว จะต้องลงทุนต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี
และต้องถือครองหน่วยลงทุนอย่างต่ำ 5 ปี และถือยาวไปจนอายุ 55 ปี
ซึ่งการลงทุนกองทุนรวม RMF นี้ จะช่วยลดหย่อนภาษีไม่เกิน 30%ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
แล้วเงื่อนไขการลงทุนกองทุนรวม SSF เป็นอย่างไร?
กองทุนรวม SSF หรือ Super Saving Fund
คือ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว
กองทุนรวมนี้มีนโยบายการลงทุนรองรับหลากหลายทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งในรูปแบบมีนโยบายปันผลและไม่มีนโยบายปันผล
การลงทุนในกองทุน SSF จะไม่มีกฎเกณฑ์บังคับให้ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
แต่หากลงทุนแล้ว จะต้องถือครองหน่วยลงทุนยาวไป 10 ปี
โดยกองทุนรวม SSF นี้จะช่วยลดหย่อนภาษีไม่เกิน 30%ของเงินได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า นอกจากประโยชน์เรื่องของการลดหย่อนภาษีแล้ว
กองทุนรวม RMF ยังเป็นการช่วยออมทรัพย์ระยะยาวเพื่อวัยเกษียณได้
และกองทุนรวม SSF ยังเป็นการลงทุนระยะยาว ที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนทุกปี อีกด้วย
ซึ่งการลงทุนกองทุนรวม RMF และ SSF ในปัจจุบันก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด
เพราะเราสามารถลงทุนผ่าน Mobile Banking ได้อย่างสะดวก
โดยหนึ่งแอปพลิเคชันที่น่าสนใจในขณะนี้ ก็คือ LH Bank M Choice
ที่มีฟังก์ชั่น “M fund” รองรับการลงทุนในกองทุนรวม ได้ถึง 12 บลจ. ชั้นนำของประเทศไทย
ประกอบด้วย
1. บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LHFUND)
2. บลจ. ทหารไทย จำกัด (TMBAM)
3. บลจ. วรรณ จำกัด (ONEAM)
4. บลจ. กสิกรไทย จำกัด (KAsset)
5. บลจ. กรุงศรี จำกัด (KSAM)
6. บลจ. พรินซิเพิล จำกัด (Principal)
7. บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (MFC)
8. บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM)
9. บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM)
10. บลจ. ทิสโก้ จำกัด (TISCOASSET)
11. บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด (UOBAM)
12. บลจ. เกียรตินาคินภัทร จำกัด (KKPAM)
เมื่อเข้าแอป LH Bank M Choice แล้วเลือกฟีเจอร์ M Fund
จะพบกับ 4 บริการสำคัญ ซึ่งจะประกอบไปด้วย
1.บริการเรียกดูข้อมูลหน่วยลงทุนของ 12 บลจ. ได้ในทันที
2.บริการ ซื้อ-ขาย-สับเปลี่ยน กองทุนรวมของ 12 บลจ. ได้ในทันที
3.บริการเรียกดูข้อมูลกองทุนรวมที่แนะนำ และหนังสือสรุปข้อมูลสำคัญได้ในทันที
4.ทุกครั้งที่ทำธุรกรรม จะมีการบันทึก e-slip อัตโนมัติ พร้อมทั้ง e-mail แจ้งเตือนในทันที
โดยผู้ที่ต้องการใช้บริการ M Fund บนแอป LH Bank M Choice
สามารถเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนครั้งแรก ได้ที่ธนาคาร LH Bank ได้ทุกสาขา
และสามารถเลือกลงทุนกองทุนรวม RMF และ SSF แนะนำได้เลยที่ https://bit.ly/3lK2aSW
References:
-เอกสารประชาสัมพันธ์ LH Bank
lh fund 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สรุปเรื่องประกันสังคม และศรีพันวา แบบไม่เข้าข้างใคร /โดย ลงทุนแมน
ประกันสังคม ลงทุนในศรีพันวา มันคืออะไร?
แล้วทำไมประกันสังคมต้องเอาเงินไปลงทุน
เรื่องนี้ ทำไมแต่ละคนพูดไม่เหมือนกัน
ลงทุนแมน จะสรุปเรื่องแบบง่ายๆ ให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแฟลตฟอร์มของแหล่งรวมนักคิด
ที่ช่วยอัปเดตสถานการณ์ ในรูปแบบบทความ วิดีโอ
รวมไปถึงพอดแคสต์ ที่มีให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
ลองใช้กันที่ Blockdit.com/download
╚═══════════╝
1) กองทุนประกันสังคมเป็นรูปแบบที่ทุกๆ ประเทศใช้ในเรื่องเป็นหลักประกันให้แก่ลูกจ้าง กรณีของไทยจะคุ้มครองในเรื่อง อุบัติเหตุ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต สงเคราะห์บุตร ว่างงาน ชราภาพ
2) ตอนเรายังเป็นหนุ่มสาวแข็งแรง เราก็คงจะไม่เห็นค่าของกองทุนนี้ว่ามีไว้เพื่ออะไร แต่เมื่อบางคนเจอกับเหตุการณ์ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น มีบุตร เจ็บป่วย หรือแม้แต่ว่างงาน กองทุนนี้จะมีหน้าที่ที่จะจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือ
3) ทีนี้ประกันสังคมจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเรา คำตอบก็คือเงินที่หักจากเงินเดือนของลูกจ้างส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งก็คือ เงินสมทบจากนายจ้าง และ รัฐบาล
4) ประเด็นก็คือ ในอนาคตกองทุนประกันสังคมมีภาระที่ต้องจ่ายให้กับทุกคนมากขึ้น เพราะโดยเฉลี่ยแล้วคนที่อยู่ในกองทุนจะมีอายุมากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล รวมไปถึงจ่ายเงินกรณีชราภาพจะมากขึ้นในอนาคต
5) สิ่งที่กองทุนประกันสังคม รวมไปถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญ (Pension Fund) ทั่วโลกเขาทำกันก็คือ การนำเงินที่อยู่ในกองทุน กระจายไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อเพิ่มผลตอบแทน
6) แน่นอนว่าเงินหลักของกองทุน จะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือ รัฐวิสาหกิจ แต่ก็จะมีอีกส่วนหนึ่งที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงขึ้นมาเช่น หุ้นกู้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ที่น่าจะมีความผันผวนที่สุดก็คือ หุ้น
7) ขอเจาะลึกการแบ่งประเภทสินทรัพย์ที่เป็นประเด็นในช่วงนี้ แค่ 2 เรื่อง คือ หุ้น กับ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มันต่างกันอย่างไร?
8 ) อธิบายง่ายๆ หุ้น คือ การมีส่วนร่วมการเป็นเจ้าของบริษัท บริษัทกำไรรับส่วนแบ่งกำไร บริษัทขาดทุนรับส่วนแบ่งขาดทุน
9) ส่วน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) คือ การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้น ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งรายรับของทรัสต์ก็คือ ค่าเช่าที่ได้รับจากผู้เช่า
10) ตัวอย่างมีหลายเรื่อง และอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เช่น CPN เป็นบริษัทในเครือเซ็นทรัลที่พัฒนาศูนย์การค้า ซึ่งจะมีหน้าที่ไปซื้อที่ดินมาพัฒนาก่อสร้าง แต่กรณีของ CPNREIT จะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์พื้นที่บางสาขาของเซ็นทรัล ซึ่งจะมีรายได้คือ ค่าเช่า
11) อีกตัวอย่างก็คือ DTC เป็นบริษัทที่พัฒนาโรงแรมเครือดุสิตธานี ซึ่งจะมีหน้าที่ไปซื้อที่ดินมาพัฒนาเป็นโรงแรม แต่กรณี DREIT จะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โรงแรมบางโรงแรมของดุสิตธานี ซึ่งจะมีรายได้คือค่าเช่าเช่นกัน
12) ไม่ต่างอะไรกับกรณีของศรีพันวา บริษัทที่พัฒนาก็คือ ชาญอิสสระ ส่วนคนที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โรงแรมศรีพันวาก็คือ SRIPANWA ซึ่งปกติแล้วชื่อมันควรจะต่อด้วยคำว่า REIT แต่ในกรณีนี้คนตั้งชื่อ ดันตั้งชื่อเป็น SRIPANWA (ถ้าตั้งว่า SREIT ก็อาจจะเข้าใจง่ายกว่านี้)
13) SRIPANWA จะเหมือน REIT ทั่วไปคือ มีรายได้จากค่าเช่า ซึ่งกรณีนี้ ผู้เช่าก็ดันไปมีชื่อคล้ายกันว่า ศรีพันวา แมเนจเมนท์ มันก็เลยยิ่งทำให้ง่ายต่อการสับสนขึ้นไปอีก
14) สรุปแล้ว SRIPANWA คือ REIT ที่ได้รับค่าเช่า ส่วน ศรีพันวา แมเนจเมนท์ คือผู้เช่าที่จ่ายเงินค่าเช่าให้กับ SRIPANWA
15) ศรีพันวา แมเนจเมนท์ ถือเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ชาญอิสสระ โดยชาญอิสสระถือหุ้น 85% ในบริษัทนี้ ปกติการถือหุ้นมากขนาดนี้ งบการเงินจะถูกรวมเข้ามากับบริษัทแม่ และเสมือนหนึ่งเป็นกิจการของบริษัทแม่
16) บริษัทชาญอิสสระ (ตัวย่อในตลาดหลักทรัพย์ว่า CI) ถือหุ้นใหญ่โดย นายสงกรานต์ อิสสระ 29.4% และ นายทวีฉัตร จุฬางกูร 23.5% และยังมีผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ อีกมากมายรวมกัน 1,750 คน
17) คำถามต่อไปก็คือแล้ว SRIPANWA กับ บริษัทชาญอิสสระ รายได้และกำไรเป็นอย่างไร?
ปี 2019 บริษัท SRIPANWA มีรายได้สุทธิ 234 ล้านบาท และบริษัทชาญอิสสระ มีกำไร 270 ล้านบาท
ส่วนบริษัทศรีพันวา แมเนจเมนท์ ขาดทุน 157.5 ล้านบาท
18) จากตัวเลขก็น่าจะสรุปได้ว่า ชาญอิสสระ ที่ยอมจ่ายค่าเช่าให้ SRIPANWA เป็นการจ่ายที่ดำเนินกิจการไปแล้วขาดทุน แต่อย่างไรก็ยังมีกิจการอื่นของบริษัทชาญอิสสระที่ทำให้บริษัทมีกำไรในปี 2019
19) ทำไมถึงยอมจ่ายค่าเช่า ทั้งที่กิจการขาดทุน สาเหตุหลักน่าจะเป็นเพราะในตอนแรกบริษัทชาญอิสสระน่าจะต้องการได้เงินก้อนใหญ่ตอนนำสินทรัพย์เข้าจดทะเบียนเป็น REIT ซึ่งจะพูดถึงเรื่องนี้ในข้อ 29
20) ในปี 2020 โรงแรมศรีพันวาน่าจะได้รับผลกระทบจากโควิด 19 แต่อย่างที่บอกไป คือ ต่อให้คนมาเที่ยวโรงแรมศรีพันวาน้อยลงมากๆ SRIPANWA ก็จะได้รับค่าเช่าที่ตกลงกันไว้จาก ศรีพันวา แมเนจเมนท์ ซึ่งอยู่ใต้ชาญอิสสระ อยู่ดี
21) แต่อย่าชะล่าใจ เพราะประเด็นก็คือ จดหมายวันที่ 17 กรกฎาคม 2020 ที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ ศรีพันวา แมเนจเมนท์ ขอเลื่อนจ่ายค่าเช่าเดือน 2, 3, 6, 7 ของปีนี้ ออกไปอีก 6 เดือน และขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น SRIPANWA ให้ยอมงดเว้นจ่ายเดือน 4 และ 5 ของปีนี้ สรุปแล้ว เดือน 2-7 ของปีนี้ผู้ถือ SRIPANWA ยังไม่ได้รับค่าเช่าสักบาทจาก ศรีพันวา แมเนจเมนท์
22) เรื่องที่เกิดขึ้นนักลงทุนก็ทราบถึงความเสี่ยง และราคา SRIPANWA ในตลาดลดลงอย่างรวดเร็วจาก 11.6 บาท เหลือ 8 บาท ซึ่งเกิดขึ้นตามสถานการณ์โควิด 19 ที่รุนแรงในบ้านเราในช่วงเดือนมีนาคม
23) ส่วนเรื่องประเด็นความถูกต้องของกรรมสิทธิ์จะทำให้หมดมูลค่าหรือไม่ และประกันสังคมได้ตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ ตรงนี้ต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่การเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ต้องผ่านการตรวจสอบเรื่องนี้มาในระดับหนึ่งแล้ว ถ้ากรรมสิทธิ์ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่สำนักงานประกันสังคม คำถามต้องย้อนไปหาที่ปรึกษากฎหมาย และ สำนักงาน ก.ล.ต. แต่ในโลกของการลงทุน ทุกอย่างก็จะสะท้อนไปในราคาหลักทรัพย์ ถ้ามันมีความเสี่ยง ราคาก็จะตกลงมา แต่ถ้ามันไม่น่ากังวลก็จะมีคนที่ยอมซื้อขายในมูลค่าที่สูง ตลาดจะเป็นคนให้คำตอบในเรื่องมูลค่าที่ควรจะเป็น
24) แต่ถ้าตัดเรื่องโควิด 19 ออกไป การลงทุนใน SRIPANWA ของสำนักงานประกันสังคมก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่า ประกันสังคมต้องการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ที่มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากผู้เช่าเป็นงวดๆ ในแต่ละปี
25) แล้วกองทุนประกันสังคมเอาเงินไปลงทุนอะไรบ้าง?
ในกรณีนี้จะขอพูดถึงแต่สินทรัพย์เสี่ยงที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จากข้อมูลของ StockRadars วันที่ 22 กันยายน 2020 ประกันสังคมมีสินทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งหมด 216,466 ล้านบาท โดยกระจายไปในหลักทรัพย์หลายตัว ตัวที่มากสุดคือ ปตท. ซึ่งคิดเป็น 8.5% ของทั้งหมด
รายชื่อหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ประกันสังคมถือ
PTT, SCC, ADVANC, CPALL, BDMS, AOT, BBL, CPF, SCB, PTTEP, KBANK, WHART, HMPRO, CPN, FTREIT, BEM, LH, PTTGC, CRC, DIF, EGCO, BTS, BCP, TU, GPSC, BH, RATCH, BJC, TOP, GLOBAL, INTUCH, MINT, BCH, DTAC, IMPACT, IVL, BTSGIF, CPNREIT, SPALI, BGRIM, IRPC, TISCO, BANPU, M, TFFIF, DREIT, PSH, BKER, BOFFICE, LHSC, SRIPANWA, WHABT, BCPG, B-WORK, SPRIME, GVREIT, GAHREIT, LPN, FUTUREPF, MAJOR, TPRIME, QH, BRRGIF, BEC, EPG, PLAT
ซึ่ง SRIPANWA เป็นหนึ่งในนี้ โดยคิดเป็น 0.2% ของมูลค่าทั้งหมด
26) แล้วมีอะไรที่คล้าย SRIPANWA ที่ประกันสังคมถือบ้าง?
ถ้าเราวัดความคล้าย จากการเป็น REIT และ การที่ประกันสังคมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับต้นๆ ก็จะมี
ถือใน SRIPANWA 22.6%
ถือใน WHABT 27.0%
ถือใน DREIT 25.4%
ถือใน GAHREIT 21.6%
ถือใน WHART 16.7%
ถือใน BKER 13.14%
ถือใน FTREIT 12.3%
นอกจาก REIT ก็ยังมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่สำนักงานประกันสังคมเข้าไปถือ
ถือใน ERWPF 28.9%
ถือใน KPNPF 21.1%
ถือใน MJLF 30.9%
ถือใน POPF 16.8%
ถือใน QHOP 32.9%
ถือใน SIRIP 27.5%
ถือใน TLHPF 22.8%
ถือใน TU-PF 76.8%
ถือใน URBNPF 30.0%
เมื่อไปดูไส้ใน สรุปแล้วประกันสังคมกระจายถือในอสังหาริมทรัพย์หลายประเภท ครอบคลุมทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า คลังสินค้า รวมไปถึงออฟฟิศสำนักงาน
ซึ่งหลายหลักทรัพย์ สำนักงานประกันสังคมถือหุ้นเป็นอันดับหนึ่ง คล้ายกรณี SRIPANWA เช่น ประกันสังคมเป็นผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งของ ERWPF ซึ่งเป็นโรงแรมของเครือเอราวัณ
27) คำถามต่อไปก็คือ ทำไมสำนักงานประกันสังคมถึงได้ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท REIT หรือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ หลายตัว มันมีความเสี่ยงแตกต่างจากหุ้นอย่างไร?
28) คำตอบคือ หุ้น จะมีความเสี่ยงระหว่างการพัฒนาสินทรัพย์ เช่นกรณีของ CPN ที่ต้องไปซื้อที่ดิน พัฒนาโครงการ กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาหลายปี เสร็จแล้วก็ไม่รู้ว่ามีลูกค้ามาใช้บริการหรือไม่
29) REIT จะมีรูปแบบที่ต่างออกไป เพราะกว่าที่จะเป็น REIT ได้ บริษัทต้องพัฒนาสินทรัพย์นั้นโดยเปิดดำเนินการไประยะหนึ่ง และมีค่าเช่าที่แน่นอนไม่ผันผวน หลังจากนั้นบริษัทก็จะขายสินทรัพย์นั้นเข้า REIT บริษัทจะได้เงินก้อนใหญ่ ส่วนคนที่มาลงทุนใน REIT จะได้เงินค่าเช่าเป็นงวดๆ ในแต่ละปี
30) ทำไมผู้ลงทุนใน REIT ถึงอยากจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อแลกเป็นงวดๆ ในแต่ละปี? คำตอบก็คือ การลงทุนแบบนี้มันได้ผลตอบแทนมากกว่าทางเลือกอื่น เช่น ซื้อพันธบัตรได้ผลตอบแทนแค่ 1% ต่อปี แต่การลงทุนใน REIT ให้ผลตอบแทน 6% ต่อปี โดยที่ REIT ยังมีหลักประกันคือเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์นั้นอีกด้วย
31) และประเด็นที่สำคัญก็คือ การลงทุนในสินทรัพย์ที่จ่ายค่าเช่าเป็นงวดๆ มันสอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนของ สำนักงานประกันสังคม ที่ต้องการได้รายรับเป็นงวดๆ เพื่อมาจ่ายผลประโยชน์แก่สมาชิกในแต่ละปี ซึ่งสังเกตได้ว่า บริษัทประกันอื่นๆ ก็ชอบสินทรัพย์ในรูปแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นเราจะได้เห็นผู้ถือหุ้น SRIPANWA จะมีบริษัทประกันอื่นๆ อีกเช่น ทิพยประกันชีวิต เมืองไทยประกันภัย ไทยศรีประกันภัย
พออ่านถึงตรงนี้เราน่าจะเข้าใจมากขึ้นว่า REIT คืออะไร แตกต่างจากหุ้นอย่างไร และทำไมสำนักงานประกันสังคมถึงได้เข้าไปลงทุนใน SRIPANWA..
หนังสือ ลงทุนแมน 13.0 เปิด pre-order วันนี้ จำนวนจำกัดเพียง 1,000 เล่ม
ราคาเต็ม 250 บาท ลดเหลือ 200 บาท
สั่งซื้อตอนนี้ได้ที่
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/130-i1587474257-s4309842746.html
Shopee: https://shopee.co.th/Longtunman-หนังสือลงทุนแมน-13.0-i.116732911.7453767586
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแฟลตฟอร์มของแหล่งรวมนักคิด
ที่ช่วยอัปเดตสถานการณ์ ในรูปแบบบทความ วิดีโอ
รวมไปถึงพอดแคสต์ ที่มีให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
ลองใช้กันที่ Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman